ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับจอ LED
หน้าจอ LED มีหลายประเภทและหน้าจอแบบต่าง ๆ มีการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่ละคนมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ปัจจุบันจอ LED ป้ายไฟวิ่ง มีการพัฒนาทั้งสีและขนาดและสามารถครอบคลุมสีได้เต็มรูปแบบด้วยสีและมีขนาด
การใช้งานของ จอ LED
การใช้งานสามารถแบ่งออกเป็นจอ LED ในร่มและจอ LED กลางแจ้ง จอ LED ในอาคารโดดเด่นด้วยมุมมองภาพที่ใหญ่, ความสว่างหน้าจอปานกลาง, ความหนาแน่นสูง, น้ำหนักเบาเหมาะสำหรับการชมที่ใกล้ชิดมากขึ้น จอ LED กลางแจ้งมีลักษณะการผสมสียาวความสว่างหน้าจอสูงกันน้ำและความต้านทานรังสียูวี ป้ายไฟ และ จอ LED สามารถนำมาใช้งานเพื่อแสดงทั้งในรูปแบบวีดีโอ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อความช่วยให้การแสดงผลได้ชัดเจน สวยงามและสะดุดตา เหมาะสำหรับตกแต่งโชว์รูม, โฆษณากลางแจ้ง และภายในอาคาร, งานอีเว้นท์, คอนเสิร์ต, งานถ่ายทอดกีฬา, งานสื่อสารติดตั้งหน้าร้าน, บริษัทและงานประชาสัมพันธ์ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น หน่วยงานราชการ เอกชนและอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ซึ่งเรายังสามารถสั่งผลิตได้ทุกขนาด
ประเภทของจอ LED
- จอ LED แบบ OUTDOOR ( จอใช้สำหรับงานภายนอกอาคาร – กลางแจ้ง ) เป็นจอที่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง เน้นการมองระยะไกล ซึ่งจอถูกออกแบบมาให้ทนต่อสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝน ฝุ่น ความชื้น ปรับความสว่างของหน้าจออัตโนมัติ ทั้งในสภาวะที่แสงแดดจ้าหรือแสงน้อย
- จอ LED แบบ INDOOR ( จอใช้สำหรับงานภายในอาคาร – ในร่ม ) เป็นจอที่เหมาะกับการใช้งานภายในอาคารหรือภายในร่ม เน้นการมองระยะใกล้ สามารถคงทนต่อสภาพอากาศได้ในระดับหนึ่ง สามารถปรับความเข้ม/สว่างของหน้าจอได้ตามแต่ผู้ใช้งานกำหนด
- จอ LED แบบ CURTAIN ( จอแบบม่าน ) เป็นจอที่เหมาะกับการใช้งานภายในอาคารหรือภายในร่ม เน้นการมองระยะใกล้ ผู้คนด้านนอกอาคาร สามารถเห็นสื่อ/ข้อความจากป้ายแบบ curtain ได้ แต่ผู้ที่อยู่ด้านในอาคาร(ด้านหลังของจอ) จะไม่เห็นสื่อ/ข้อความ แต่จะสามารถมองเห็นคนเดินด้านนอกอาคารได้เสมือนหนึ่งว่าไม่ได้มีจอบังอยู่ (โปร่งแสง)
- จอ LED แบบ CIRCLE ( จอแบบโค้ง-วงกลม ) เป็นจอที่เหมาะกับการใช้งานภายในและภายนอกอาคาร และเน้นมองระยะใกล้-ไกล ด้วยคุณสมบัติที่งอได้ของแผงวงจร จึงสามารถดัดโค้ง ดัดวงกลม หรือ รูปทรงต่าง ๆ ได้ เหมาะกับงาน exhibition หรือจุดที่ต้องการให้เป็นที่สนใจ
การแสดงผลของจอ จอ LED
จอ LED เป็นระบบจอแสดงภาพขนาดใหญ่โดยใช้หลักการทำงานของการผสมสีของ LED หลัก3 สี ได้แก่ สีแดง (Red), สีเขียว(Green) และสีน้ำเงิน (Blue) หรือเรียกสั้นๆว่าRGB ให้เกิดเป็นสีต่าง ๆ โดยความละเอียดในการปรับสีของLED แต่ละสีจะถูกควบคุมด้วยสายสัญญาณที่มีขนาดตั้งแต่16 บิตขึ้นไปดังนั้นยิ่งควบคุมด้วยจำนวนสายสัญญาณมากขึ้นก็จะได้ภาพที่มีความลึกของสี (Processing depth) มากขึ้นจึงได้ภาพที่สมจริงยิ่งขึ้น